หลีหมิง พระเอกหนุ่มสุดฮอทหนึ่งในจุตรเทพฮ่องกง ได้เดินทางมาเมืองไทยเพื่อร่วมงาน Bangkok International Film Festival และโปรโมทภาพยนตร์ผลงานเรื่องล่าสุดของเขาที่พัฒนาความสามารถของเขาไปในอีกขั้นหนึ่งอย่าง Leaving Me, Loving You โดยเขาไม่ได้ทำงานเพียงในฐานะนักแสดงเท่านั้น แต่ยังพ่วงตำแหน่งผู้อำนายการสร้างอีกด้วย การเดินทางมาเมืองไทยเป็นยังไงบ้างจริงๆ แล้วผมเดินทางมาเมืองไทยบ่อยมากในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะเวลาทำหนัง ซึ่งต้องมาตัดต่อในเมืองไทย เวลาโปรโมทมีน้อยมาก ส่วนมากผมจะมาทำเบื้องหลังซะมากกว่า และด้วยความที่ผมมาบ่อยๆ ผมจึงรู้สึกคุ้นเคยมากกับที่นี่ครับ Leaving Me, Loving You สร้างความรู้สึกให้ผู้คนสนใจตั้งแต่ชื่อเรื่อง คุณช่วยอธิบายความหมายของชื่อหน่อยได้มั๊ย ตอนที่เลือกบท เขียนบท ผมได้พูดคุยกับโปรดิวเซอร์ และคนเขียนบท ว่าเรื่องราวอย่าง เถียนมีมี่ มันเป็นเรื่องราวที่ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีปาฏิหาริย์เข้ามาช่วย ซึ่งมันอาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นแค่หนึ่งในร้อย หรือหนึ่งในพันเท่านั้น ดังนั้นเรื่องนี้มันอาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้คนทั่วไปมากกว่า และผมถึงได้เลือกเมืองเซี่ยงไฮ้ เพราะที่นั่นเป็นเมืองใหญ่ จึงมีบุคคลากรมาก เพราะฉะนั้นโอกาสที่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นจะมีเยอะตามไปด้วย อะไรคือ ธีมหลักของหนัง ผมไม่เคยคิดว่า เวลาทำหนังแล้วจะบอกว่ามันเกี่ยวกับอะไร ถ้าเล่าออกไปหมด คนดูก็ไม่รู้จะเข้าไปดูอะไร ผมอยากสร้างความสนใจให้กับหนังด้วย ทีเซอร์ หรือโปสเตอร์ เพื่อให้รู้ว่าผมทำอะไรไว้รอผู้ชม ให้คนดูจิตนาการเอาเองว่าหนังอยากจะสื่ออะไร อย่างเรื่องราวของความรัก เป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ โชคชะตาอาจทำให้คนสองคนมาพบกัน อย่างน้อยเรื่องนี้ก็อยากให้ทุกคนได้มองจากหนังว่า มีโชคชะตาแบบเดียวกับมันหรือเปล่า ตรงกับแบบฉบับที่ผมนำเสนอมั๊ย ผมอยากมอบหนังเรื่องนี้ให้กับทุกคน อะไรคือความแตกต่างของหนังรักเรื่องอื่นๆ กับ Leaving Me, Loving You หนังรักส่วนมากถูกสร้างขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียน มันแตกต่างจากเรื่องจริง แต่สำหรับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน คือมันเหมือนเอาเรื่องจริงมานำเสนอผ่านจอให้ทุกคนได้เห็น คุณรับบทอะไรในเรื่อง ผมรับบทเป็นหมอครับ ไม่ใช่หมอแบบในเรื่อง Tree นะครับ เรื่องนี้ผมก็จะเป็นเหมือนคนทำงานทั่วไป เช้าทำงานเย็นก็กลับบ้าน หลายเรื่องที่ผ่านมาอย่าง Heroic Duo, Infernal Affair และ Tree จะมีบทบาทแตกต่างกันไป คุณมีกฏเกณฑ์ในการเลือกรับแสดงยังไง จริงๆแล้วผมไม่ค่อยมีโอกาสเลือกบทหรอกครับ ส่วนใหญ่แล้วผู้สร้างก็จะเลือกผมก็ต่อเมื่อเขาเล็งเห็นแล้วว่าบทนั้นเหมาะสมกับผม ผมมีโอกาสแค่ตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่เท่านั้น คุณมีส่วนในการผลิตหนังเรื่องนี้ยังไงบ้าง เรื่องนี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2002 ที่ผมอยู่ระหว่างการคัดเลือกบทที่จะมาทำ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกจนมาถึงกันยายน ปี 2003 ถึงได้เริ่มถ่ายทำ จนถึงตอนนี้ก็ยังเหลือขั้นตอนสุดท้ายอีกนิดหน่อย อย่างเช่นการลงเสียงและการตัดต่อ ผมไม่เคยทำงานเป็นปีๆ แล้วงานยังไม่เสร็จแบบนี้มาก่อน นี่เป็นงานชิ้นแรกจริงๆที่ใช้เวลานานขนาดนี้ ดังนั้นผมจึงใช้ความพยายามไปกับเรื่องนี้มาก เพราะปกติแล้วมนุษย์จะทำงานเพื่อ 2 อย่างคือ 1.คนที่เรารัก 2.คนที่รักเรา และผมก็อยากทำงานให้กับแฟนๆ ที่ผมรัก และแฟนๆที่รักผม ทำไมถึงเลือกสถานที่ถ่ายทำในเซี่ยงไฮ้ ปกติเวลาถ่ายหนังที่ฮ่องกง ทุกคนต้องพูดภาษาจีนกวางตุ้ง แต่ครั้งนี้ผมเลือกที่นี่เพราะว่าผมจะได้พูดภาษาจีนกลาง ซึ่งทั้งผมและ หวังเฟย ก็มาจากปักกิ่งทั้งคู่ ดังนั้นการพูดจีนกลางจึงง่ายมากสำหรับเรา ทุกสิ่งทุกอย่างจึงดูเพอร์เฟ็คมากๆครับ คุณมีส่วนในการเลือกนางเอกหรือเปล่า ทุกอย่างในเรื่องเนี่ยมันคือตัวของ หวังเฟย เลยล่ะครับ แล้วอีกอย่างดาราในฮ่องกง หาคนที่พูดภาษาจีนกลางได้ยากมาก แต่สำหรับเธอแล้วจีนกลางคือภาษาแม่ของเธอเลยล่ะครับ เพราะฉะนั้นเธอนั่นล่ะเหมาะสมที่สุด มีโครงการจะเปิดคอนเสิร์ทในปีนี้มั๊ย ยังไม่มีเลยครับ ตอนนี้ที่เมืองไทยกำลังจัดงานงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ และคุณก็เดินทางมาร่วมงานนี้เช่นกัน คุณคิดว่าอุตสาหกรรมของเอเชียเป็นยังไงบ้าง ผมคิดว่าการทำให้อุตสาหกรรมเอเชียเติบโตไปในทางที่ดีมันง่ายนิดเดียว ผู้เกี่ยวข้องกับงานด้านนี้ทุกคนไม่ว่าจะเป็น นักแสดง, ผู้กำกับ หรือโปรดิวเซอร์มีความตั้งใจทำงานเต็มร้อย และที่สำคัญหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบด้วย ผมคิดว่ามันจะยิ่งดีมากๆเลยล่ะครับ อะไรเป็นแรงดลใจให้คุณมาสร้างหนัง มันเป็นความฝันของผมเลยครับ และมันก็มาจากความฝันของผู้กำกับบวกกับนักแสดง ที่อยากจะทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และในเรื่องนี้ผมก็ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างด้วย ซึ่งมันก็เหมือนกับผมได้มอบห้องครัวห้องหนึ่ง พร้อมกะทะ 1 ใบ บวกกับน้ำมันนิดหน่อยให้ผู้กำกับ แล้วผู้กำกับก็ปรุงแต่งอาหารจานหนึ่งออกมา และไม่ว่าเขาจะทำด้วยวิธีในให้ได้ผลออกมา มันไม่สำคัญ เพราะสำหรับผมแล้วความฝันก็คือการได้ทำหนังเรื่องนี้เท่านั้น ทำไมคุณถึงเลือกประเดิมหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ผมไม่เคยถามตัวเองว่าจะทำอะไร เพราะอะไรและทำไปทำไม ผมแค่ต้องการทำตามฝัน ดังนั้นไม่ควรจะตั้งคำถามว่า เพราะอะไรถึงทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพราะถ้าคุณถามตัวเองแบบนั้นแสดงว่าคุณยังไม่มั่นใจในสิ่งที่คุณทำ มีอะไรฝากถึงแฟนๆ มั๊ย ก็เนื่องในโอกาสวันปีใหม่(จีน) ผมก็ขออวยพรให้แฟนๆ ชาวไทยมีสุขภาพแข็งแรง คิดอะไรสมปรารถนา ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ และขอให้ประสบความสำเร็จ และมีความสุขตลอดไปนะครับ |
|